วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2559

องค์กรบริหารจัดการอินเทอร์เน็ต

องค์กรบริหารจัดการอินเทอร์เน็ต

อินเทอร์เน็ตผ่านการบริหารจัดการโดยองค์กรหลายแห่ง องค์กรเหล่านี้มีทั้งองค์กรที่ทำหน้าที่ผลักดันการเติบโตของอินเทอร์เน็ต องค์กรพัฒนามาตรฐานโปรโตคอล และองค์กรจัดการด้านทะเบียนเครือข่ายเป็นต้น องค์กรเหล่านี้ทำหน้าที่ประสานงานกันเพื่อพัฒนาอินเทอร์เน็ตโดยมิได้ทำหน้าที่สั่งการหรือควบคุม อินเทอร์เน็ตจึงเป็นเครือข่ายอิสระที่ไม่อยู่ภายในกำกับโดยองค์กรใดโดยเฉพาะ เครือข่ายในอินเทอร์เน็ตต่างตกลงเชื่อมโยงเข้าหากันและบริหารเครือข่ายของตนเองโดยอิสระ โครงสร้างการบริหารจัดการขององค์กรในอินเทอร์เน็ตอาจแบ่งออกได้เป็นสองกลุ่มคือ องค์กรพัฒนาอินเทอร์เน็ต และองค์กรดูแลด้านข้อมูลและทะเบียนองค์กรพัฒนาอินเทอร์เน็ต
องค์กรในกลุ่มนี้ทำหน้าที่สนับสนุนการใช้งานอินเทอร์เน็ต และพัฒนาโปรโตคอลมาตรฐานเพื่อใช้ในอินเทอร์เน็ต องค์กรในกลุ่มนี้ประกอบด้วย ไอซ็อก ไอเอบี ไออีทีเอฟ และไออาร์ทีเอฟ โดยมีโครงสร้างระหว่างองค์กรดังรูปที่ 1 แต่ละองค์กรมีภาระหน้าที่ดังต่อไปนี้

อินเทอร์เน็ตสำหรับทุกหนทุกแห่ง



เมื่อสิบปีที่แล้ว เคยมีบทความเกี่ยวกับเรื่องิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่ก็เป็นความพยายามของมนุษย์ ในบทความนั้นมีการกล่าวถึงโครงการหนึ่งที่น่าสนใจคือ "การประชุมคนทั้งโลกในห้องประชุมเดียวกัน" และการกำหนดวาระการประชุมแห่งโลก ในทางเทคนิคแล้วหลายคนอาจคิดว่ายังห่างไกลและยากที่จะเกิดขึ้นได้ แต่หากย้อนดูการพัฒนาอินเทอร์เน็ตขึ้นมาใช้งานได้อย่างรวดเร็วเกินคาด การประชุมทั้งโลกดูจะมีแนวโน้มของความเป็นไปได้ทำอย่างไรจึงจะให้ทุกคนบนพื้นโลกติดต่อถึงกันได้

อินเทอร์เน็ตกับโลกาภิวัฒน์





อินเทอร์เน็ตได้รับการพัฒนามาตั้งแต่ครั้งสมัยสงครามเย็น กระทรวงกลาโหมอเมริกันต้องการพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ ในเรื่องทางทหาร ต่อมาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้รับการนำมาประยุกต์เพื่องานวิจัยและความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หลังปี ค.ศ. 1981 เครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีพัฒนาการที่รวดเร็ว และก้าวหน้าจนมีผู้ใช้เชื่อมโยงกันทั่วโลก ปัจจุบันเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นเครือข่ายที่ครอบคลุมผู้ใช้ทั่วโลก มีจำนวนผู้ใช้หลายร้อนล้านคน และสร้างบทบาทสำคัญยิ่งในเรื่องโลกาภิวัฒน์

การจัดองค์กรเทคโนโลยีสารสนเทศให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมของชุมชน





โลกแห่งธุรกิจในปัจจุบันเป็นโลกแห่งการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะการดำเนินการทางธุรกิจต้องการความรวดเร็วในด้าน การบริการ และการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ระบบการใช้ข้อมูลข่าวสารทั้งในแง่การดำเนินการและการบริหารจึง เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก
มีการพูดกันถึงเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EDI - Electronic Data Interchange) ก่อให้เกิดกระแส การทำงานในรูปแบบเครือข่ายที่เชื่อมโยงกัน ทั้งจากภายใน (อินทราเน็ต) และเชื่อมโยงในระดับสากล (อินเทอร์เน็ต) การดำเนินการ ค้าจึงปรับเปลี่ยนรูปเป็นพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (electronic commerce) ในลักษณะของการดำเนินการต่าง ๆ ขององค์กรยังมี กระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคม ทำให้เกิดการรวมกลุ่มและทำงานร่วมกันในลักษณะพันธมิตร การทำงานจึงมีลักษณะเป็น eBusiness หรือการทำงานธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไของค์กรให้ เหมาะสมกับยุคสมัยการคำนวณบน เครือข่าย (network computing) โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นตัวนำ

5 นาทีกับการจัดการความรู้

5 นาทีกับการจัดการความรู้
อ. สมชาย นำประเสริฐชัย



ไม่ว่าจะเป็นยุคไหนสมัยไหน ความรู้นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้บุคคลหรือองค์กรประสบความสำเร็จในระยะยาว และในอนาคตนี้จะทวีความสำคัญมากยิ่ง ๆ ขึ้น แต่ละองค์กรจำเป็นต้องมีกระบวนการเพื่อให้มีความสามารถในการเรียนรู้ได้เร็วกว่าคู่แข่ง การจัดการโครงสร้างการจัดการความรู้ที่เหมาะสมมาใช้ในเวลาที่ต้องการ นอกจากนี้ฐานความรู้ยังช่วยให้องค์กรสามารถให้เหมาะสมได้ เพราะว่าในส่วนของความรู้ ความเชี่ยวชาญต่าง ๆ ที่เคยขึ้นอยู่กับตัวบุคลากรนั้นจะถูกเก็บอยู่ในฐานความรู้แทน ความรู้เป็นสิ่งที่สามารถได้รับจากหลาย ๆ แหล่งที่อิสระ เช่น การเรียนรู้ ผู้เชี่ยวชาญ ประสบการณ์ ฐานข้อมูล หรือระบบสารสนเทศต่าง ๆรู้จักกับ KBS และ KM

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559

ไมโครคอมพิวเตอร์กับแม่บ้าน

ไมโครคอมพิวเตอร์กับแม่บ้าน
ปัจจุบันไมโครคอมพิวเตอร์ ได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของคนโดยทั่วไป ซึ่งในความหมายของไมโครคอมพิวเตอร์แบบง่าย ๆ ซึ่งทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้คือ "ไมโครคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถทำงานหลาย ๆ อย่างแทนคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ" ฉะนั้น ยิ่งใช้เครื่องคอมพิวเตอร์มากเท่าไร ก็ยิ่งจะมีแรงงานเหลือที่จะทำงานอย่างอื่นได้มากขึ้นเท่านั้น การศึกษาหาความรู้เรื่องไมโครคอมพิวเตอร์ไว้เพื่อว่าอย่างน้อยจะได้เข้าใจ และทำการศึกษาได้อย่างรวดเร็วเมื่อถึงคราวจำเป็นจะต้องใช้มันจริง ๆ

โครงสร้างองค์กรกับระบบสารสนเทศ

โครงสร้างองค์กรกับระบบสารสนเทศ




ปัจจุบันมีการกล่าวถึงวิธีการรื้อปรับระบบองค์กรใหม่ ในรูปแบบที่เรียกว่า business reinvention กล่าวคือ การปรับปรุงและสร้างค์องค์กรใหม่ โดยนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้ในองค์กร
สารสนเทศเป็นสิ่งที่มีความสำคัญยิ่ง เราแบ่งระดับสารสนเทศออกเป็น 4 ระดับคือ ระดับส่วนบุคคล ระดับกลุ่มหรือแผนก ระดับองค์กรและระดับระหว่างองค์กร โดยทุกระดับจะเกี่ยวข้องกับทรัพยากรที่จำเป็นต้องนำมาใช้เพื่อประกอบกัน และให้ได้ประโยชน์จากสารสนเทศ ประกอบด้วยอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ได้แก่ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อสาร ซอฟต์แวร์ ข้อมูล ชั้นตอนการปฏิบัติงาน ได้แก่ กฏระเบียบต่าง ๆ และตัวบุคลากรเอง
ศูนย์สารสนเทศขององค์กร คือหน่วยงานที่จะบริหารและจัดการทรัพยากรสารสนเทศ ที่ต้องลงทุนทั้ง 5 องค์ประกอบนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ศูนย์สารสนเทศขององค์กรตามแนวความคิดใหม่ จึงต้องประสานกับธรรมชาติของการทำงานขององค์กรที่มีบุคลากรเป็นแกนนำ เพราะบุคลากรทุกคนย่อมเป็นผู้ใช้สารสนเทศ และยังต้องมองเลยไปเป็นระดับกลุ่ม ระดับองค์กร และระดับระหว่างองค์กร การทำงานในทุกระดับจะต้องประสานการใช้ประโยชน์ให้เกิดกับองค์กรได้สูงสุดลักษณะและจุดมุ่งหมายของศูนย์สารสนเทศ
คอมพิวเตอร์มีการพัฒนาการมาจากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีราคาแพง โดยการใช้ประโยชน์จึงเริ่มจากการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกันในอดีต มีศูนย์คอมพิวเตอร์กลาง ต่อมาเมื่อมีการพัฒนาพีซี แนวคิดจึงเริ่มจากการพัฒฒนาให้ระบบใช้งานส่วนตัว และต่อมาพัฒนาเป็นเครือข่ายที่ทำงานร่วมกัน ดังนี้นลักษณะของการใช้ระบบคอมพิวเตอร์จึงมีลักษณะตามสภาพของการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของเทคโนโลยี โดยเฉพาะระบบคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารข้อมูล ระบบเครือข่าย รูปแบบการช้ระบบคอมพิวเตอร์จึงมีรูปแบบดังนี้

  • การใช้แบบเครื่องหลัก (Host base) ในยุคที่เครื่องคอมพิวเตอร์มีราคาแพง เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นเมนเฟรม ซึ่งมีการจัดการฐานข้อมูลอยู่ส่วนกลางและแบ่งการใช้งาน เครื่องคอมพิวเตอร์หลักเป็นเครื่องที่รวมทรัพยากรทั้งหมดไว้ที่ศูนย์กลาง ผู้ใช้เพียงแต่ต่อสายออนไลน์ และใช้กำลังการคำนวณทั้งหมดจากเครื่องหลัก สถานีปลายทางจึงเป็นเพียงแค่เทอร์มินัลเท่านั้น
    การใช้งานแบบเครื่องหลัก
    รูปที่ 1 การใช้งานแบบเครื่องหลัก เพื่อเป็นการสนับสนุนข้อมูลข่าวสารขององค์กร
  • การใช้งานแบบเครื่องเดี่ยว (stand alone) เมื่อมีการพัฒนาพีซีให้เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล จึงมีผู้พัฒนาซอฟต์แวร์สนับสนุนพีซีให้ช่วยงานระดับบุคคล ดังนั้นการประยุกต์ใช้งานระดับบุคคลจึงเป็นที่นิยมแพร่หลาย ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์พื้นฐนที่เรียกว่าโปรแกรมสำเร็จรูปให้ใช้งานได้มาก เช่น ใช้ช่วยในการพิมพ์เอกสารหรือเรียกว่า เวิร์ดโปรเซสเซอร์ ใช้คำนวณบนตารางที่เรียกว่า สเปรตซีต ใช้ในการเก็บข้อมูลในระบบฐานข้อมูลขนาดเล็ก ใช้เพื่อนำเสนอผลงาน
    เครื่องพีซีทำให้เกิดระบบการจัดการข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล
    รูปที่ 2 เครื่องพีซีทำให้เกิดระบบการจัดการข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล
  • ระบบแลนและไคลแอนต์เซิร์ฟเวอร์ เมื่อพีซีมีขีดความสามารถสูงขึ้น ประกอบกับเทคโนโลยีได้พัฒนาระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ให้เชื่อมโยงเข้าถึงกัน และใช้งานร่วมกัน ระบบแลนที่ใช้จึงเริ่มจากการสนับสนุนงานระดับกลุ่ม ระดับแผนกที่มีการทำงานร่วมกัน ใช้ทรัพยากรบางอย่างร่วมกัน เช่น ใช้ไฟล์ใช้ข้อมูล ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ ตลอดจนเครื่องพิมพ์ร่วมกัน สภาพการทำงานบนเลนส่วนหนึ่งมีลักษณะการทำงานแบบ ไคลแอนต์เซิร์ฟเวอร์ กล่าวคือมีสถานีบริการกลางที่ให้บริการร่วมกันทั้งกลุ่ม โดยผู้ใช้จะมีเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีของตนเองเชื่อมโยงกับเครือข่ายแลน เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้เรียกว่า ไคลแอนด์ ส่วนสถานีบริการกลางเรียกว่า เซิร์ฟเวอร์ เช่น ถ้ามีระบบฐานข้อมูลกลางที่ให้บริการกลางร่วมกันก็เรียกว่า ดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์ ผู้ใช้สามารถใช้เครื่องไคลแอนต์เรียกค้นข้อมูลข่าวสารจากเครื่องเซิร์ฟเวอร์ได ้รูปแบบการทำงานแบบนี้จึงเป็นการลดขนาดของเซิร์ฟเวอร์ลงจากโฮสเบส เพราะสถานีย่อยคือไคลแอนต์สามารถช่วยดำเนินการบางอย่างเองได้ และการทำงานในระดับไคลแอนต์ที่สำคัญคือ มีส่วนช่วยในการติดต่อกับผู้ใช้ที่จะแสดงผลแบบกราฟฟิก
    เครือข่ายแลนสนับสนุนการทำงานเป็นกลุ่ม
    รูปที่ 3 เครือข่ายแลนสนับสนุนการทำงานเป็นกลุ่ม
  • การเชื่อมต่อแลนเป็นอินทราเน็ต เมื่อนำเวอร์กกรุ๊ปหรือเครือข่ายแลนย่อย ๆ หลายเครือข่ายต่อเชื่อมกันเป็นเครือข่ายขององค์กร มีเส้นทางการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารหลักที่เรียกว่าแบคโบน (backbone) เครือข่ายนี้จึงเป็นเครือข่ายที่สนับสนุนการทำงานขององค์กร ซึ่งอาจเรียกว่าเอ็นเตอร์ไพรสเน็ตเวอร์กหรืออินทราเน็ต ในระดับองค์กรจึงมีการบริหารจัดการเครือข่ายขององค์กร มีหน่วยงานดูแลเครือข่ายกลาง และดูแลทรัพยากรที่สนับสนุนการใช้งานในองค์กร ลักษณะการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานอาจข้ามออกไปยังหน่วยงานที่อยู่ห่างไกล โดยเชื่อมต่อด้วยเครือข่ายสาธารณะแบบแวน (wan) สภาพการทำงานภายในองค์กรยังมีลักษณะการใช้ทรัพยากรร่วมกันมีสถานีบริการที่เรียกว่าเซิร์ฟเวอร์ ผู้ใช้ใช้พีซีที่ต่ออยู่บนเครือข่ายเชื่อมโยงเรียกใช้บริการเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ภายในองค์กรอาจมีฐานข้อมูลเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์กลางหรืออาจจะมีหลายเซิร์ฟเวอร์กระจายกันอยู่ก็ได้ ลักษณะการใช้งานบนเครือข่ายจึงสนับสนุนการทำงานตั้งแต่งานในระดับบุคคลที่ใช้พีซีของตนเองเป็นหลัก เชื่อมต่อใช้งานร่วมกันเป็นเครือข่ายในแผนก ในกลุ่มงานของตน ใช้สถานทีบริการเซิร์ฟเวอร์ในแผนกของตน และยังเชื่อมโยงกับองค์กรใช้งานในลักษณะร่วมกับส่วนกลางขององค์กร ดังนั้นทุกคนในองค์กรที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายจึงสามารถเลือกใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ข้อมูลข่าวสารทั้งของกลุ่มและขององค์กรได้
    เครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในองค์กรต้องเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ของแต่ละแผนกเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดการใช้ข้อมูลร่วมกัน นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทรัพยากรฮาร์ดแวร์ร่วมกันได้อีกด้วย ในเชิงเทคนิคนั้นระบบสารสนเทศระดับองค์กรจะมีระบบคอมพิวเตอร์ที่ดูแลแฟ้มข้อมูลที่ใช้งานร่วมกันไว้ในไฟล์เซิร์ฟเวอร์ มีการใช้เครือข่ายแลนเชื่อมโยงเครื่องมือพื้นฐาน อีกประการหนึ่งของระบบข้อมูลข่าวสาร คือระบบจัดการฐานข้อมูล ซึ่งเป็นโปรแกรมที่สำคัญในการช่วยดูแลระบบข้อมูลและการประยุกต์ใช้งานด้านต่าง ๆ
    การใช้เครือข่ายเพื่อสนับสนุนการทำงานในองค์กร

    รูปที่ 4 การใช้เครือข่ายเพื่อสนับสนุนการทำงานในองค์กร





  • การเชื่อมโยงระหว่างองค์กร การบริหารและการจัดการระบบสารสนเทศสมัยใหม่ ยังเน้นให้เกิดการทำงานแบบธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (eBusiness) และมีการค้าขายแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่าางองค์กรเพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกัน และการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน
    การเชื่อมโยงระหว่างกันในปัจจุบัน เน้นการใช้เส้นทางร่วมแบบสาธารณะ เช่น ใช้อินเทอร์เน็ต ลักษณะการเชื่อมโยงออกสู่ภายนอก จึงมีลักษณะที่ต้องการสร้างวงจรเฉพาะการเชื่อมโยงระหว่างองค์กร หรือการวิ่งผ่านเส้นทางสาธารณะร่วมกัน
    การเชื่อมโยงระหว่างองค์กร
    รูปที่ 5 การเชื่อมโยงระหว่างองค์กร
    อินเทอร์เน็ตจึงเป็นเครือข่ายสากลที่เชื่อมโยงเครือข่ายย่อยขององค์กรจำนวนมหาศาลเข้าด้วยกัน ทำให้ทุกองค์กรที่เชื่อมโยงเข้าถึงอินเทอร์เน็ตติดต่อถึงกันได้ และหากถ้ามีองค์กรใดสร้างเครือข่ายและเชื่อมโยงต่อออกไปภายนอก โดยเน้นการทำงานในขอบเขตจำกัด เช่น ให้บริการลูกค้าติดต่อเข้ามาได้ และไม่สามารถออกไปนอกเครือข่ายอย่างอิสระเหมือนอินเทอร์เน็ต เราก็เรียกว่า เอ็กซ์ทราเน็ต
ศูนย์สารสนเทศกับองค์กร
ในองค์กรมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศหลายระดับ ดังนั้นการจัดประเภทของศูนย์สารสนเทศ จึงต้องเน้นให้สนับสนุนการทำงานทุกระดับ ศูนย์สารสนเทศจึงมีลักษณะที่แบ่งตามประเภทการใช้งานดังนี้