วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559

ชื่อบนอินเทอร์เน็ต

ชื่อบนอินเทอร์เน็ต ความสำคัญของการทำธุรกิจสมัยใหม่

การที่องค์กรจะดำเนินธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์จึงต้องเน้นงานทางธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (transaction) และหาก ต้องการนำมาใช้ ในการซื้อขายสินค้าก็เรียกว่า พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Commerce ส่งผลทำให้ภาวะเศรษฐกิจของโลกกำลัง เปลี่ยน เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจใหม่ หรือที่เรียกว่า e-Conomy
เมื่อเป็นเช่นนี้องค์กรต้องมีที่อยู่หรือ address เครือข่ายของตนเองสำหรับในประเทศไทยสามารถจดทะเบียนกับหน่วยงานที่ชื่อ thnic เพื่อได้ชื่อองค์กร แต่หลายองค์กรจดทะเบียนที่ต่างประเทศเพื่อได้ .com ซึ่งก็มีข้อเสียในเรื่องที่ว่า หากข้อมูลของตนอยู่ต่างประเทศ และทำธุรกิจในเมืองไทยอาจไม่สะดวก อย่างไรก็ตามการจดทะเบียน .com ก็สามารถตั้งเซิร์ฟเวอร์ในประเทศไทยได้
การจดทะเบียนชื่อได้ต้องมีหมายเลขไอพีแอดเดรสเป็นของตนเอง การขอไอพีแอดเดรสในปัจจุบันอาจต้องขอจากหน่วยงานไอเอสพี ที่เราจะต่อเชื่อมด้วย หรือขอจากหน่วยงานกลาง เช่น thnic เพื่อลงทะเบียนหมายเลขไอพีแอดเดรส ไอพีแอดเดรสและชื่อจึงมีความ สำคัญเพราะเปรียบเสมือนเป็นชื่อขององค์กรในยุคใหม่ ชื่อเหล่านี้จึงมีความสำคัญและหากมีใครจดทะเบียนไปก่อนแล้ว ผู้จดทะเบียน ภายหลังจะไม่สามารถจะทะเบียนชื่อซ้ำได้
จากการสำรวจของ nw.com พบว่า ปัจจุบันมีเครื่องที่ต่ออยู่บนอินเทอร์เน็ตประมาณ 70 ล้านเครื่อง และเพียง .com อย่างเดียวมีผู้จด ทะเบียนชื่อไว้แล้วถึง 20 ล้านชื่อ การตั้งชื่อจึงเริ่มยากขึ้นเพราะจะมีโอกาสซ้ำกันมากขึ้น
อย่างไรก็ดีมีแนวคิดที่จะปรับปรุงระบบการกำหนดชื่อตามมาตรฐานใหม่ให้รับชื่อได้แบบหลากหลายภาษา โดยเฉพาะหน่วยงานที่บริหาร และดูแลอินเทอร์เน็ตในขณะนี้คือ ican มีการปรับปรุงระบบการกำหนดชื่อให้ใช้รหัสแบบยูนิโค้ดเพื่อรองรับการใช้แบบมัลติลิงกัวเพื่อ ใช้ได้หลากภาษา
การค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และการค้าในไซเบอร์สเปซจึงเป็นเรื่องง่าย เพราะมีเพียงชื่อและเครื่องเซิร์ฟเวอร์ก็สามารถเป็นแหล่งให้ ติดต่อค้าขายได้แล้วมารู้จักกับไอพีแอดเดรส
ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทุกคนต้องเกี่ยวข้องกับไอพีแอดเดรส อย่างน้อยพีซีที่ต่ออยู่กับอินเทอร์เน็ตต้องมีการกำหนดไอพีแอดเดรส
คำว่า ไอพีแอดเดรส จึงหมายถึงเลขหรือรหัสที่บ่งบอก ตำแหน่งของเครื่องที่ต่ออยู่บนอินเทอร์เน็ต เช่นเครื่อง www.nectec.or.th เป็นเซิร์ฟเวอร์ของเนคเทคมีหลายเลขไอพี 202-44.204.33 ตัวเลขรหัสไอพีแอดเดรสจึงเสมือนเป็นรหัส ประจำตัวของเครื่องที่ใช้ ตั้งแต่พีซีของผู้ใช้จนถึงเซิร์ฟเวอร์ให้บริการอยู่ทั่วโลก ทุกเครื่องต้องมีรหัสไอพีแอดเดรสและต้องไม่ซ้ำกันเลย ทั่วโลก
การกำหนดไอพีแอดเดรสเน้นให้องค์กรจดทะเบียนเพื่อขอไอพีแอดเดรส และมีการแบ่งไอพีแอดเดรสออกเป็นกลุ่มสำหรับองค์กร เรียกว่า คลาส โดยแบ่งเป็น คลาส A คลาส B คลาส C
เมื่อพิจารณาตัวเลขไอพีแอดเดรส หากไอพีแอดเดรสใดมีตัวเลขขึ้นต้น 1-126 ก็จะเป็นคลาส A ดังนั้น คลาส A จึงมีได้เพียง 126 องค์กรเท่านั้น หากขึ้นต้นด้วย 128-191 ก็จะเป็นคลาส B เช่น ไอพีแอดเดรสของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ขึ้นต้นด้วย 158 จึงอยู่ ในคลาส B และหากขึ้นต้นด้วย 192-223 ก็เป็นคลาส C
ไอพีแอดเดรสและชื่อจึงมีความสำคัญเพราะเปรียบเสมือนเป็นชื่อขององค์กรในยุคใหม่ หากมีใครจดทะเบียนไปก่อนแล้ว ผู้จดทะเบียน ภายหลังจะไม่สามารถจดทะเบียนชื่อซ้ำได้
ลักษณะการใช้ไอพีแอดเดรสในองค์กรจึงมีวิธีการจัดสรรและกำหนดเพื่อให้ใช้งานแต่เนื่องจากหลายหน่วยงานติดขัดด้วยจำนวน หมายเลขที่ได้รับ เช่น องค์กรขนาดใหญ่ แต่ได้รับคลาส C จึงย่อมสร้างความยุ่งยากในการสร้างเครือข่าย
ไอพีแอดเดรสแต่ละกลุ่มที่ได้รับการจัดสรร จะได้รับการควบคุมการกำหนดเส้นทางโดยอุปกรณ์จำพวกเราเตอร์และสวิตชิ่ง
ทำนองเดียวกัน หน่วยงานย่อยรับแอดเดรสไปเป็นกลุ่มก็สามารถนำไอพีแอดเดรสที่ได้รับไปจัดสรรแบ่งกลุ่มด้วยอุปกรณ์เราเตอร์ หรือสวิตชิ่งได้ การกำหนดแอดเดรสจะต้องอยู่ภายในกลุ่มของตนเท่านั้น มิฉะนั้นอุปกรณ์เราเตอร์จะไม่สามารถทำงานรับส่งข้อมูลได้
ไอพีแอดเดรสจึงเป็นรหัสหลักที่จำเป็นในการสร้างเครือข่าย เครือข่ายทุกเครือข่ายจะต้องมีการกำหนดแอดเดรส สำนักบริการคอมพิวเตอร์ได้จัดสรรกลุ่มไอพีไว้ให้หน่วยงานต่าง ๆ อย่างพอเพียงโดยที่แอดเดรสที่ใช้ในกลุ่ม เช่น การเซตให้กับพีซี แต่ละครั้งต้องไม่ซ้ำกันการตั้งชื่อ
ชื่อทางอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่มีความสำคัญในการอ้างอิงตำแหน่งถึงกัน เช่น ใช้เป็นอีเมลแอดเดรส ใช้เป็นชื่อเว็บเซิร์ฟเวอร์หรือใช้ เพื่อประกอบกิจการต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต เช่น www.ku.ac.th, nontri.ku.ac.th, pirun.k เป็นต้น
ในการทำธุรกิจบนอินเทอร์เน็ต เช่น พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งแรกที่ต้องมีคือชื่อร้านค้า ชื่อธุรกิจ หรือสิ่งที่อ้างอิงได้ในไซเปอร์สเปซ ชื่อเหล่านี้จึงมีบทบาทและมีความสำคัญและเป็นสิ่งที่จะต้องทำให้เป็นที่รู้จักกันและอ้างอิงได้
ชื่อจึงประกอบด้วยหลักการที่เป็นระบบ จัดกลุ่มให้เข้าใจหรือเรียกง่าย เราเรียกว่า โดเมน เช่น ในประเทศไทยเป็นโดเมน .th และถ้าเป็นกลุ่มธุรกิจก็เรียกว่า .co.th กลุ่มการศึกษาก็เรียกชื่อเป็น .ac.th ดังนั้นการตั้งชื่อจึงให้อยู่ในกลุ่ม เช่น ku.ac.th อยู่ใน กลุ่มการศึกษา (ku เป็นชื่อของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์)
เพื่อให้ชื่อเป็นที่อ้างอิงได้ ชื่อจึงไม่ซ้ำกัน โดเมนของระบบจึงต้องได้รับการจดทะเบียน แต่เดิม internic เป็นหน่วยงานกลางที่ดูแลชื่อ และรับจดทะเบียน แต่ต่อมามีภาระกิจมากจึงกระจายออกไปให้เอเชียแปซิฟิกดูแลส่วนพื้นที่เอเชียแปซิฟิก ก็ใช้หน่วยงาน apnic และ ในที่สุดก็กระจายไปยังประเทศต่าง ๆ สำหรับประเทศไทยผู้ดูแลการจดทะเบียนชื่อโดเมนภายใต้ .th ทั้งหมด คือ thnic สามารถดู รายละเอียดได้จาก www.thnic.net
เมื่อมีโดเมนของตนเองแล้ว ภายใต้โดเมนนั้น ๆ ผู้เป็นเจ้าของโดเมนสามารถบริหารจัดการและจดทะเบียนชื่อของตนเองได้ เช่น ภายใต้ ku.ac.th ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยจะเป็นผู้ดูแลและบริหาร ตลอดจนรับจดทะเบียนชื่อภายใต้โดเมนนี้ การจัดการชื่อบนอินเทอร์เน็ตจึงเป็นระบบและสามารถดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพได้
ชื่อจะได้รับการจดทะเบียน และดูแลภายใต้เครื่องที่ทำหน้าที่จัดการที่เรียกว่า เนมเซิร์ฟเวอร์ ระบบเนมเซิร์ฟเวอร์จึงเป็น ระบบที่สำคัญ และจะช่วยให้หน่วยงานดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพได้เนมเซิร์ฟเวอร์
เนมเซิร์ฟเวอร์เป็นเครื่องหลักที่ทำหน้าที่ให้บริการแก่ผู้ใช้ ผู้ใช้จะต้องติดตั้งเครื่องของตนเองและบอกให้รู้ว่าใช้เนมเซิร์ฟเวอร์ที่ใด ทุกครั้งที่ใช้งาน เช่น การใช้บราวเซอร์ เรียกดูเว็บเพจต่าง ๆ เราอ้างอิงด้วยชื่อ เช่น www.cnn.com www.ku.ac.th การอ้างอิง ทุกครั้งจะต้องมีการมาสอบถามที่เนมเซิร์ฟเวอร์ เนมเซิร์ฟเวอร์จะทำหน้าที่เปลี่ยนชื่อที่ผู้ใช้เรียกให้เป็นหมายเลขไอพีจากนั้นจึงใช้ หมายเลขไอพีติดต่ออีกครั้ง
ดังนั้น ถ้าหากการสอบถามได้รับการตอบไว การทำงานส่วนนี้ก็จะเร็วขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้การบริหารเนมเซิร์ฟเวอร์จึงต้องทำอย่างมี ประสิทธิภาพ เนมเซิร์ฟเวอร์จะทำหน้าที่ในการให้บริการโดยหากถามด้วยชื่อ ก็จะตอบหมายเลขไอพีและหากถามหมายเลขไอพีก็จะ ตอบด้วยชื่อ ระบบเนมเซิร์ฟเวอร์จะทำการติดต่อกับเนมเซิร์ฟเวอร์ด้วยกันเอง และมีการจัดวางระบบเพื่อสอบถามข้อมูลระหว่างกัน ซอฟต์แวร์ที่อยู่ในเนมเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมโยงกับดาต้าเบสอื่นเป็นชิ้น ๆ เรียกว่า ดีเอนเอส (DNS)
การจดทะเบียนชื่อโดเมนก็ดี การจดทะเบียนชื่อก็ดี จะต้องทำอย่างถูกหลักการ การจดทะเบียนโดเมนได้ผู้จดทะเบียนจะต้องเป็น เจ้าของหมายเลขไอพีและมีสิทธิเท่านั้น ทำนองเดียวกันการจดทะเบียนชื่อจะต้องใช้ไอพี เช่น ไอพีหมายเลข 158. 108.2.71 จด ทะเบียนใน ns.ku.ac.th ให้เป็นชื่อ nontri.ku.ac.th
ระบบบริหารและจัดการชื่อในฐานข้อมูล DNS จะเป็นไปแบบกระจายและกระทำแบบอัตโนมัติ ดังนั้นทั่วโลกจึงมีการวาง DNS แบบ ลำดับให้กระจายเข้าไปยังหน่วยงานต่าง ๆ การสอบถาม DNS ไปยังเซิร์ฟเวอร์หากเซิร์ฟเวอร์นั้น หาไม่พบจะสอบถามต่อไปยังระดับ บนให้จนในที่สุดก็จะได้คำตอบ หรือหากไม่ได้คำตอบก็จะแจ้งกลับมา กลไกการจัดการอินเทอร์เน็ตจึงเป็นไปอย่างอัตโนมัตและเป็น ระบบที่น่าสนใจยิ่ง

จัดทำโฮมเพจโดย : สำนักบริการคอมพิวเตอร์ , 10 มกราคม 2544
ที่มาhttps://www.blogger.com/blogger.g?blogID=7816969402812290484#editor/target=post;postID=4441857579976613124

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น